เจียง ชิง (
จีน: 江青;
พินอิน: Jiāng Qīng; 19 มีนาคม ค.ศ. 1914 – 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1991) เป็นนักแสดงหญิงชาวจีน ใช้ชื่อในการแสดงว่า
หลาน ผิง (藍蘋) มีบทบาทสำคัญทางการเมืองในช่วง
ปฏิวัติวัฒนธรรมระหว่าง ค.ศ. 1966–1976 ฐานะที่เป็นภริยาคนที่สี่ของ
เหมา เจ๋อตง (毛泽东) ผู้เป็น
ประธานกรรมการกลางพรรคสังคมนิยมจีน (中国共产党中央委员会主席) และ
ผู้นำสูงสุด (最高領導人) ของ
ประเทศจีนเธอออกจากอาชีพนักแสดงเมื่อ ค.ศ. 1938 เพื่อสมรสกับเหมา เจ๋อตง ในเดือนพฤศจิกายน ปีนั้น ที่
หยานอาน (延安) จึงได้เป็น
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนแรกของประเทศ เธอมีบทบาทสำคัญมากในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม และในการสร้างพันธมิตรทางการเมืองหัวรุนแรงที่เรียกว่า "
กลุ่มสี่คน" (四人帮) หรือ "แก๊งออฟโฟร์" (Gang of Four)เมื่อสมรสกับเหมา เจ๋อตง แล้ว เธอทำหน้าที่เป็นเลขานุการส่วนตัวของเขาในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1940 และเป็นหัวหน้ากองภาพยนตร์ในกรมประชาสัมพันธ์ของพรรคสังคมนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 เธอยังเป็นตัวแทนคนสำคัญของเหมา เจ๋อตง ในช่วงต้นปฏิวัติวัฒนธรรม ต่อมาใน ค.ศ. 1966 เธอได้เป็นรองหัวหน้า
กลุ่มปฏิวัติวัฒนธรรมส่วนกลาง (中央文革小组) ของพรรคสังคมนิยม แล้วร่วมมือกับนายพล
หลิน เปียว (林彪) ส่งเสริมคตินิยมของเหมา เจ๋อตง และช่วยกันโหมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับบารมีของเหมา เจ๋อตง เธอมีอิทธิพลมากในวงราชการช่วงที่การปฏิวัติวัฒนธรรมมาถึงขีดสุด โดยเฉพาะในด้านศิลปวัฒนธรรม นอกจากนี้ ยังมีการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับเธอทำนองเดียวกับสามี ทำให้ใน ค.ศ. 1969 เธอได้ตำแหน่งใน
สภาปกครองส่วนกลาง (中央政治局) ของพรรคสังคมนิยมก่อนเหมา เจ๋อตง เสียชีวิตใน ค.ศ. 1976 กลุ่มสี่คนของเธอมีอำนาจมาก ควบคุมสถาบันการเมืองหลายแห่งของจีน รวมถึงหน่วยงานสื่อและประชาสัมพันธ์ แต่เธอมักผิดใจกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคสังคมนิยมเวลาที่อ้างว่าตนเองได้รับความชอบธรรมทางการเมืองในฐานะภริยาของเหมา เจ๋อตง ครั้นเหมา เจ๋อตง สิ้นใจแล้ว ความรุ่งเรืองทางการเมืองของเธอก็สิ้นสุดตามไปด้วย ผู้สืบทอดตำแหน่งของเหมา เจ๋อตง คือ
หฺวา กั๋วเฟิง (华国锋) สั่งจับกุมเธอไปไต่สวนเหตุที่สร้างความเสื่อมเสียมากมายแก่ประเทศอันเนื่องมาจากการปฏิวัติวัฒนธรรม
[1] เดิมที เธอถูกพิพากษาประหารชีวิต แต่มีการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตใน ค.ศ. 1983 และเมื่อเธอได้รับการปล่อยออกจากคุกไปรักษาพยาบาล เธอก็แขวนคอตายในห้องน้ำของโรงพยาบาลเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1991
[2][3]